สำหรับใครที่เป็นเด็กยุค 80-90 คงไม่มีคนไม่รู้จัก Dragonball น้อยคนจะไม่รู้จัก โกคู หรือ โงกุน นอกจากภาพสวยที่วาดโดย อ.โทริยามะ อากิระ แล้ว เนื้อเรื่องและความตื่นตาตื่นใจกับพลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า ที่ไม่มีใครในโลกนี้คิดว่า คนเราจะมีพลังงานมหาศาลที่ปล่อยออกจากฝ่ามือและมีพลังทำลายล้างยิ่งกว่าปรมาณู (ว่าไปนั่น)
แต่ก็นะ คนสมัยก่อนกับคนสมัยนี้ อาจจะคิดต่างกัน ลองไปฟังความคิดเห็นของเด็กยุค 2,000 ที่โดนรุ่นพี่ต่อว่าถึงการที่เขาไม่รู้จัก Dragonball ทำให้เขาทุ่มสุดตัว ไปอ่านที่ มังงะคาเฟ่ รวดเดียวจบ พร้อมสรุปในแง่มุมของเขาให้ฟังพวกเราฟัง ลองไปอ่านดูครับ
มีพนักงานบริษัทเกิดปี1992คนหนึ่ง
ไม่เคยอ่าน Dragonball มาก่อน แล้วก็ถูกรุ่นพี่ล้อ
เลยไปอ่านรวดเดียวหมด แล้วมาเขียนความเห็น
สรุปก่อนว่า
เป็นมังงะที่น่าเบื่อมาก
//—————————————-
![]()
สำหรับตัวเขาเองแล้ว
ถึงจะไม่เคยอ่าน Dragonball มาก่อน
แต่ก็พอจะรู้เรื่องจากสื่อต่างๆ
และสำหรับเขาแล้ว มันก็เป็นมังงะเรื่องหนึ่งที่เคยดังเมื่อก่อนเท่านั้น
แต่พอรุ่นพี่เขาได้ฟัง
ก็มาด่าเราว่า เป็นคนทำคอนเท้นท์ ไม่เคยอ่านได้ไง!
ซึ่งก็พอจะเข้าใจอยู่ว่า การศึกษาผลงานที่ดังมันก็เป็นเรื่องจำเป็นอยู่
แต่การที่เราจะเอาผลงานที่ดังเมื่อ 20 ปีก่อนมาศึกษานะ
มันจะเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานคอนเท้นท์ปัจจุบันจริงเหรอ?
จริงๆแล้วคุณก็แค่ชอบอะไรสักอย่างตอนเด็ก
แล้วต้องมายัดเยียดให้คนอื่นมาชอบด้วย
โดยทำเหมือนกับว่ามันมีความล้ำลึกอะไรสักอย่าง
เพียงเพื่อรักษาภูมิของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
เราก็เลยเอามาอ่านทั้งหมด
จะได้หาเรื่องไปตอกหน้ากลับ
ไอ้การเอาเรื่องไม่เคยอ่าน Dragonball มาดูถูกคน
มันจะได้หมดๆไป
//———————————-
ความเห็นแรกหลังอ่านจบ……ไม่ค่อยสนุกเลย
อ่านไป เราก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ
ทั้งๆที่ผลงานชั้นดีมันต้องทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผลงานในตำนานที่มีแฟนๆอยู่ทั่วโลก
แต่ก็จะขอแบ่งเป็น3หัวข้อว่า ทำไมตัวเองถึงไม่ค่อยชอบ
[เนื้อเรื่อง] [Setting] [ยุคสมัย]
//————————————-
[เนื้อเรื่อง]
เราคิดว่าสาเหตุที่มันดัง
น่าจะอยู่ที่ [Setting ของตัวละครเอก] มากกว่า
โกคูเติบโตมาแบบไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก
เข้าสู่โลกของยุทธจักรกับผองเพื่อน
แล้วหลังจากเนื้อเรื่องผ่านไปสักพัก
ก็พบว่าตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาวชาวไซย่าเผ่าสุดยอดนักรบ
….. คุณไม่คิดหรือว่าคุณเคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า?
เกิดมาไม่มีพ่อแม่ แต่มีความสามารถสูงลิ่วเพราะรักพวกพ้อง…
……. มันเป็น Stereotype ของพวกตำนานวีรบุรุษนะ
ยกตัวอย่างผลงานอื่นๆ ก็จะมี Harry Potter มั่ง
เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กๆ ไปอยู่บ้านลุงกับป้า
เสร็จแล้วพบว่าพ่อแม่เป็นจอมมหาเวทย์
แล้วก็เข้าสู่โลกของเวทมนต์
ถ้าเป็นผลงาน Jump เรื่องอื่นก็มี One Piece
ลูฟี่โตมาแบบไม่มีพ่อแม่ แล้วอยู่ๆกลางเรื่อง
ก็พบว่า ตัวเองเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่ง D
เรื่องเหล่านี้ มันเกี่ยวกับคนที่เกิดมาเป็นชนชั้นสูง
แต่ต้องมาตกระกำลำบากตอนเด็ก
เสร็จแล้วก็ไต่เต้าคว้าความฝันของตัวเอง
ไอ้พวก Success Story อย่างนี้แหละ
ที่มันทำให้คนเขาชอบกัน
—-
แต่คุณลองมาดูเนื้อเรื่องของ Dragonball นะ
ในด้านหลังปกเล่ม1 อ.โทริยาม่าแกเป็นคนออกมาพูดเองว่า
เราลองทำผลงานแบบที่มันดูจีนๆ
แต่เราไม่ได้เจาะจงว่าจีนที่ไหน แล้วมันยุคสมัยไหน
เนื้อเรื่องเราก็ทำให้มันง่ายๆเข้าไว้
ส่วนเรื่องรายละเอียดเนื้อหากับตอนจบ
เราก็แค่ยัดๆมันเข้าไปตามมีตามเกิด
พอเราทำอย่างนี้แล้ว เราก็ไม่ต้องมากังวลว่าจะเขียนต่อยังไง
ตัวผมเองก็ทำงานสบาย แล้วก็สนุกกับมันได้ด้วย
….พูดง่ายๆคือ เนื้อเรื่องของมัน เป็นเรื่องที่ถูกเขียนมาแบบสะเปะสะปะ
ถึงแม้ว่า มันจะโยงเนื้อเรื่องเป็นอภิมหากาพย์ได้
แต่สำหรับเราแล้ว มันเป็นแค่ [เนื้อเรื่องที่ไม่มีเป้าหมายอะไรเลย]
พอตัวละครไม่ได้มีเป้าหมายอะไรแล้ว
เราก็เลยไม่ได้รู้สึกที่อยากจะเชียร์ตัวละครตามไปด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเนื้อเรื่องที่มีความแปลกใหม่ได้
แต่มันก็ไม่ใช่ผลงานที่มีความลึกอะไรเลย
//——————————
[Setting ของโลก]
พออ่านไปตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว
เราอยากจะตะโกนด่าความไม่มีเหตุผลของมัน
อยู่ๆก็มีตัวละครที่ยิงปืนแบบไม่มีเหตุผล
อยู่ๆก็มีสัตว์ที่พูดภาษาคนได้
อยู่ๆก็บินกับยิงลำแสงได้
อยู่ๆมีมนุษย์ต่างดาวมาเต็มไปหมด
อยู่ๆก็มีห้องกาลเวลา
ซึ่งจริงๆแล้ว เราอาจจะพูดได้ว่า
ก็มันเป็นมังงะ คุณจะไปหาเหตุผลอะไร
แต่มันเป็นโลกที่ Setting นั้นอ่อนมาก
—
ขอยกตัวอย่างผลงานอื่นก่อน
Harry Potter เป็นเรื่องที่เกิดในโลกเวทมนต์
One Piece เป็นเรื่องที่เกิดในยุคโจรสลัด
ซึ่งแต่ละเรื่อง มันก็มีระบบและกฎเกณฑ์ของมันอยู่
ทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจไปในโลกๆนั้นได้
และถึงแม้จะมีเรื่องประหลาด ที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้เกิดขึ้น
แต่เราก็ยอมรับมันได้ เพราะมันอยู่ในขอบเขตกฎเกณฑ์ของโลกนั้นๆ
—-
แต่โลก Dragonball นะ
มันเป็นโลกที่ผู้คนธรรมดา
มีชีวิตใกล้กันกับโลกในความเป็นจริงมาก
พอมันเกิดเรื่องที่กลายเป็นอภินิหาร
เราก็เลยรู้สึกว่า มันขัดกันมากๆกับโลกในนั้น
//————————————
[ยุคสมัย]
ถ้าเราไปถามคนที่เคยชอบ Dragonball ตอนเด็ก
เขาจะพูดกันออกมาว่า
[ภาพสวย] [เนื้อเรื่องแปลกใหม่] [อ.โทริยาม่าเก่งสุดๆ]
ซึ่ง มันก็จริงนะว่า ภาพของอาจารย์แกนั้นเป็นสุดยอดผลงาน
ที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าไปอยู่ในโลกนั้นได้
ที่ตัวเราคิดว่า มันไม่ได้สนุก
เพราะเราอ่านแบบเร็วๆ เลยไม่ได้เสพความงามของภาพอย่างเต็มที่อยู่
ในแง่ของเนื้อเรื่อง
ในสมัยนั้นก็ยังไม่ได้มีผลงานที่เป็นแนว Stereotype แบบนี้อยู่มาก
แล้วพอคนแต่ง เขียนเนื้อเรื่องแบบสะเปะสะปะ
มันก็เลยพอจะมีความแปลกใหม่ให้เสพกันได้อยู่
และเพราะผลงานก่อนอย่าง Dr.Slump ได้รับความนิยมด้วย
เลยทำให้ Dragonball ได้เป็นที่ยอมรับกันง่ายขึ้นอีก
เพราะมันเป็น [ผลงาน อ.โทริยาม่า]
—-
แต่คุณลองคิดดูนะครับว่า
ตอนนั้นเป็นยุคปี 1980 ทีนอกจากจะไม่มี Smartphone แล้ว
Internet ยังเข้าไม่ถึงคนทั่วไปกันด้วยซ้ำ
[จุดดีเหล่านั้น] มันมีผลกับเราที่เกิดปี 1992
แล้วใช้ชีวิตในยุคศตวรรษที่ 21 เหรอ?
จากยุคนั้นมา ในโลกนี้มีผลงานหลายๆเรื่อง
ที่ได้รับอิทธิพลจาก Dragonball แล้วเอามาต่อยอดให้มันดีขึ้น
ภาพที่มีความคล้ายแนว Dragonball มีให้เห็นกันเกลื่อน
และเนื้อเรื่องแนวเดียวกัน ก็เคยอ่านกันมาจนเอียนแล้ว
ใช่ Dragonball มันอาจจะเป็นต้นฉบับ
แล้วผลงานเหล่านั้น เป็นแค่ผลงานต่อยอดที่เหยียบคอยักษ์ขึ้นมา
แต่เพราะเราเคยอ่านผลงานพวกนั้นมาเป็นจำนวนมากแล้ว
Dragonball จึงไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับเราเลย
//———————————–
![]()
ข้อความถึงรุ่นพี่
อ่าน Dragonball จบหมดทุกเล่มแล้วนะ
ก็เข้าใจอยู่หรอกว่า ทำไม Dragonball ถึงเป็นที่นิยมในยุคนั้นได้
และสำหรับรุ่นพี่แล้ว มันเป็นผลงานที่สุดยอดอยู่
และการได้อ่านผลงานต้นแบบที่
[Setting ตัวละคร] และ [ความงามของภาพ]
ถูกเลี่ยนแบบและต่อยอดกันมา ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีอยู่
แต่ถ้าจะถามว่ามันสนุกหรือเปล่า…….ก็ขอตอบว่าไม่ละกัน
เหตุผลก็ตามที่บอกไปด้านบนนี้
แล้วนี่ไปอ่านที่ Manga Cafe มา
ลำบากมากนะครับ ช่วยเลี้ยงข้าวด้วย
https://liginc.co.jp/429028